ฝ้า คืออะไร
ฝ้าเป็นรอยผิวหนังสีน้ำตาลหรือสีดำ พบตามบริเวณที่ผิวหนังโดนแสงแดด (เช่น ที่ใบหน้า) ไม่ได้เป็นมาตั้งแต่เกิด มักค่อยๆ เป็นมากขึ้นเรื่อยๆ แผ่นสีดำนี้มักมีลักษณะเท่าๆ กันทั้ง 2 ข้าง อาจรวมกันเป็นปื้น หรือเข้มเป็นกระจุกๆ ก็ได้ บริเวณที่พบฝ้าได้บ่อยคือ ที่เหนือริมฝีปาก หนวด คาง หน้าผาก แต่บางคนก็เป็นฝ้าที่ตำแหน่งอื่นๆ ที่โดนแสงแดด (เช่น ที่หน้าอก แขน หลัง) ฝ้าไม่ทำให้เกิดอาการอย่างอื่นนอกจากด้านความงามเท่านั้น ส่วนใหญ่พบในหญิงวัยกลางคน อายุประมาณ 30-40 ปี ในจำนวนผู้ที่เป็นฝ้าทั้งหมดร้อยละ 90 เป็นผู้หญิง
ฝ้าเกิดจากอะไร
กรรมพันธุ์
พบว่าผู้ป่วยโรคฝ้ามากกว่าร้อยละ 30 มีประวัติคนในครอบครัวเป็นฝ้าด้วย พบฝ้าเกิดร่วมกันในฝาแฝดที่มาจากไข่ใบเดียวกัน โดยที่พี่น้องคนอื่น (ที่มาจากไข่คนละใบ) ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกันไม่พบความสัมพันธ์นี้
แสงแดด
เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดฝ้าที่สำคัญ ทั้งช่วงคลื่นรังสียูวีบี และยูวีเอ ทำให้เกิดฝ้า ยากันแดดที่ป้องกันเฉพาะรังสียูวีบี จึงใช้ป้องกันฝ้าไม่ได้ผล เพราะผิวหนังยังได้รับรังสียูวีเอ และช่วงคลื่นแสงที่มองเห็น ซึ่งช่วงคลื่นนี้ก็กระตุ้นให้เซลล์สร้างเม็ดสีผลิตเม็ดสีเมลานินได้เช่นกัน
ฮอร์โมน
เป็นปัจจัยทำให้เกิดฝ้าที่สำคัญ เชื่อว่าฝ้าเกิดจากการที่ฮอร์โมนเพศหญิงคือเอสโทรเจน และโพรเจสเทอโรน กระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสีให้สร้างเม็ดสีมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อโดนแสงแดด จึงพบฝ้ามากในหญิงตั้งครรภ์
หญิงที่กินยาคุมกำเนิด
ฝ้าเกิดขึ้นในคนที่กิน ยาคุมกำเนิดที่มีส่วนผสมของเอสโทรเจน และโพรเจส เทอโรน
หญิงวัยหลังหมดประจำเดือน
วัยหมดประจำเดือนที่ได้รับฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน
ผู้ป่วยโรคไทรอยด์
มีโอกาสเป็นฝ้ามากกว่าคนปกติถึง 4 เท่าตัว
อารมณ์
พบว่าฝ้าที่เกิดหลังมีอารมณ์เครียดอย่างรุนแรง
เครื่องสำอาง
พบว่าเครื่องสำอางบางตัวทำให้เกิดฝ้า ซึ่งส่วนผสมเหล่านี้อาจเป็นกลิ่นหอมหรือสี และฝ้าที่เกิดขึ้นมักเป็นฝ้าลึก
ยาบางชนิด
พวกยากันชัก เช่น ไดเฟนิล ไฮเดนโทอิน (diphenyl hydantoin) มีแซนโทอิน (mesantoin)
ขาดสารอาหาร
บางคนที่ขาดสารอาหารก็อาจทำให้เกิดฝ้าได้ แพทย์จะวินิจฉัยฝ้าด้วยการใช้สายตาตรวจดู โดยทั่วไปไม่ต้องส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ ยกเว้นรายที่สงสัยว่ามีอาการทางต่อมไทรอยด์
วิธีธรรมชาติช่วยรักษาฝ้า
หัวไชเท้า
วิธีใช้ : หัวไชเท้าบด 2 ช้อนโต๊ะ + นมสด 1 ช้อนโต๊ะ นำมาพอกหน้า หรือแต้มตามจุดที่เป็นฝ้า ทิ้งไว้ 15 นาที (ทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง)
สรรพคุณ : หัวไชเท้ามีสารไกลโคไซด์ (Glycossides) ที่อุดมไปด้วย กรดแอสคอบิก (Ascorbic Acid) และ วิตามินเอ ซึ่งผลการวิจัยออกมา ตรงกันว่า ช่วยลดเรื่อง ฝ้า กระ ได้อย่างเห็นผลชัดเจน
มังคุด
วิธีใช้ : เปลือกมังคุด 2 ช้อนโต๊ะ + มะนาว 1 ช้อนโต๊ะ นำมาพอกหน้า 15-20 นาที (ทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง)
สรรพคุณ : มังคุดมีสารแซนโทน (Xanthone) ในปริมาณมาก จึงสามารถมีส่วนช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ ช่วยลดการอักเสบสิวได้ดีด้วยค่ะ
ใบบัวบก
วิธีใช้ : น้ำใบบัวบก 2 ช้อนโต๊ะ พอกหน้าทิ้งไว้ 20 นาที หรือรอจนแห้ง (ทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง)
สรรพคุณ : ใบบัวบกทำให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้น จึงช่วยบรรเทาอาการฝ้า ไม่ให้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ลดการเกิดสิวได้ดี
แตงกวา
วิธีใช้ : (ทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง)
สรรพคุณ : แตงกวามี วิตามินซี ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ทำให้รอยดำ ฝ้ากระจางลง และมีสารซิสทิน (cystin) และเมทิโอนิน (methionin) และยังมีสารโพลีแซ็กคาไรด์ ที่ช่วยเบาเทาความร้อนจากแสงแดด ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้น ยืดหยุ่นขึ้น
ว่านหางจรเข้
วิธีใช้ : วุ้นว่านหางจรเข้ (ล้างยางแล้ว) 2 ช้อนโต๊ะ + มะนาว 1 ช้อนชา นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 20 นาที (ทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง)
สรรพคุณ : สาร polysaccharides ในว่านหางจรเข้ ช่วยรักษาแผล และมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดเลือนจุดด่างดำ วุ้นว่านหางจรเข้ จะช่วยบรรเทาอาการแสบร้อน และปกป้องผิวจากแดดไม่ให้ได้รับความเสียหายไม่ให้เกิดอาการหมองไหม้
ดูแลตัวเองให้พ้นจากฝ้า
พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนให้เพียงพอ ด้วยการนอน เป็นการช่วยฟื้นฟูทั้งร่างกาย และจิตใจที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน ให้กระปรี้กระเปร่า ช่วยให้ผิวพรรณสดใส จิตใจแจ่มใส ไม่เกิดความเครียด จุดด่างดำต่างๆจึงจางหายไปได้เร็วขึ้นด้วย
ออกกำลังกาย
ออกกำลังกายอย่างน้อย วันละ 30 นาที จะทำให้ร่างกายได้ขับสารพิษออกทางเหงื่อ ทำให้ผิวพรรณสุขภาพดีขึ้น ช่วยให้จิตใจแจ่มใส ส่งผลให้นอนหลับสนิท ลดรอยฝ้ากระได้อย่างดีด้วย
ดื่มน้ำมากๆ
ดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว จะเป็นการช่วยขับสารพิษในร่างกาย จากการขับถ่ายนั่นเอง จึงส่งผลให้ผิวใส สุขภาพดี ผิวชุ่มฉ่ำน้ำ จึงไม่ทำให้เกิด ฝ้า กระ สิว ตามมา
ทานอาหารจำพวก B12
นอกจากทานอาหารที่มีประโยชน์อย่าง ผัก ผลไม้ เนื้อปลา ต่างๆแล้ว ขาดไม่ได้เลยคือ วิตามินบี12 อย่างเนื้อสัตว์ ตับ ไข่แดง และอาหารหมักดองเช่น กะปิ น้ำปลา เต้าเจี้ยว
ใช้ครีมบำรุงผิวที่ช่วยรักษาฝ้า
ครีมบำรุงผิวที่ช่วยรักษาฝ้าที่มีสารสสกัดจากธรรมชาติ และผ่าน อย. รับรองมาแล้ว โดยครีมที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ จะช่วยรักษาฝ้ากระได้อย่างเห็นผล และไม่เป็นอันตรายต่อผิวหน้า ทำให้ได้หน้าที่ขาวใส เรียบเนียน
การรักษาฝ้า ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป อยู่ที่ความใส่ใจเลือกสิ่งที่ใช้กับผิวหน้าเพื่อรักษาฝ้า และการมีวินัยในการดูแลผิวหน้าของตนเองอยู่สม่ำเสมอๆ รวมถึงการเลือกทานอาหาร ดื่มน้ำ และการออกกำลังกายก็เป็นสิ่งสำคัญมากๆเช่นกัน ส่วนสิ่งที่สำคัญที่สุดในการรักษาฝ้า คือการเลือกใช้ครีมรักษาฝ้าที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ อย่างชุดรักษาฝ้า Manee Skincare ที่คัดสรรสิ่งดีๆเพื่อผิวหน้า ไม่ทำให้หน้าบางลงหลังการใช้ด้วยค่ะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น